ภาพรวมของระบบนี้คือการทำงานร่วมกันระหว่าง ชิปจัดการพลังงาน และ ระบบปฏิบัติการ (OS):
ตัวป้อน (Input):
แรงดันไฟฟ้า (Voltage): ค่าศักย์ไฟฟ้าของแบตเตอรี่ในขณะนั้น
กระแสไฟฟ้า (Current): ปริมาณไฟที่ไหลเข้า (ชาร์จ) หรือไหลออก (ใช้งาน)
อุณหภูมิ (Temperature): ความร้อนของแบตเตอรี่ (มีผลต่อความจุ)
กระบวนการ (Process):
ชิป PMIC (Power Management IC) ประมวลผลข้อมูลดิบ
อัลกอริทึม "Fuel Gauge" คำนวณปริมาณไฟที่เหลือจริง (State of Charge - SoC)
ระบบปฏิบัติการ (Android/iOS) เปรียบเทียบค่า SoC กับค่าวิกฤตที่ตั้งไว้ (เช่น 20%, 10%)
ผลผลิต (Output):
การแจ้งเตือน (UI): หน้าต่าง Pop-up, เสียงเตือน, ไอคอนแบตเตอรี่เปลี่ยนสี (เขียว -> เหลือง -> แดง)
การกระทำของระบบ (Action): เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) หรือปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อวิกฤต
ความยากคือ "แบตเตอรี่ไม่ใช่ถังน้ำ" ที่จะมองเห็นระดับน้ำได้ง่ายๆ วิศวกรจึงต้องใช้เทคโนโลยีผสมผสานกันเพื่อ "คาดเดา" เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ ดังนี้
A. เทคโนโลยี "เกจวัดน้ำมัน" (Fuel Gauge IC)
นี่คือชิปขนาดจิ๋วที่ทำหน้าที่เป็นสมองของแบตเตอรี่ โดยใช้วิธีคำนวณหลักๆ 2 วิธีผสมกัน:
การวัดแรงดัน (Voltage Monitoring):
หลักการ: แบตเตอรี่เต็มจะมีแรงดันสูง (เช่น 4.2V) แบตเตอรี่หมดจะมีแรงดันต่ำ (เช่น 3.0V)
จุดอ่อน: เวลาเราใช้งานหนักๆ (เล่นเกม) แรงดันจะวูบตกลงมาชั่วคราว ทำให้ค่าเพี้ยนได้
การนับคูลอมบ์ (Coulomb Counting):
หลักการ: เหมือน "มิเตอร์น้ำ" ที่คอยนับจำนวนอิเล็กตรอนที่ไหลเข้าและไหลออกจริงๆ
จุดเด่น: แม่นยำกว่ามาก เพราะรู้ว่าใช้ไฟไปเท่าไหร่แล้วจริงๆ
จุดอ่อน: ถ้าใช้นานๆ โดยไม่ชาร์จเต็ม อาจมีความคลาดเคลื่อนสะสม (Drift)
เทคโนโลยีปัจจุบัน: โทรศัพท์มือถือใช้ Hybrid Algorithm คือเอาทั้ง 2 วิธีมารวมกัน เพื่อความแม่นยำที่สุดครับ
B. กลไกการแจ้งเตือนของ OS (Trigger Mechanism)
เมื่อ Fuel Gauge ส่งค่า % แบตเตอรี่ไปให้ CPU ระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่เป็น "ยาม" เฝ้าระวังจุดสำคัญ (Thresholds):
ระดับเตือน (Warning Level - ปกติ 20% หรือ 15%):
Action: ระบบจะเด้งแจ้งเตือนให้ผู้ใช้รู้ และเสนอให้เปิด "โหมดประหยัดพลังงาน" (ลดแสงหน้าจอ, ลดการทำงานแอปเบื้องหลัง)
ระดับวิกฤต (Critical Level - ปกติ 5% หรือ 10%):
Action: แจ้งเตือนซ้ำด้วยเสียงที่เร่งด่วนขึ้น, ปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น (เช่น แฟลชกล้อง, การสั่นแรงๆ)
ระดับตัดการทำงาน (Cut-off Level - 0% บนหน้าจอ):
ความจริง: จริงๆ แล้วแบตเตอรี่ "ยังมีไฟเหลืออยู่" (ประมาณ 3.0V) แต่ระบบ "สั่งปิดเครื่อง (Shutdown)" ทันที
เหตุผล: เพื่อป้องกัน Deep Discharge (การคายประจุจนหมดเกลี้ยง) ซึ่งจะทำให้เซลล์แบตเตอรี่พังถาวรและชาร์จไม่เข้าอีกเลย
ระบบแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำ ไม่ใช่แค่เรื่องของการบอกเวลาชาร์จ แต่เป็น "ระบบความปลอดภัย" (Safety System) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์ไม่ให้เสียหายจากการขาดไฟอย่างรุนแรง